http://www.techcotruck.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

 หน้าหลัก

 รูปสินค้า

 ลงประกาศซื้อ-ขาย

 พูดคุย-แลกเปลี่ยน

 ติดต่อเรา

เฟสบุ้ค

10000 รู้ ... มิสู้ รู้ปล่อยวาง เพียงเรื่องเดียว ^.^

(อ่าน 24033/ ตอบ 343)

PP

10000 รู้ ... มิสู้ รู้ปล่อยวาง เพียงเรื่องเดียว ^.^

ข้อคิดดีๆ จาก "รอยตะปู"



เด็กน้อยคนหนึ่งอารมณ์ไม่ค่อยจะดีพ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขา 1 ถุงและบอกเขาว่า ทุกครั้งที่ลูกรู้สึกไม่ดี โมโห หรือโกรธใครก็ตาม ให้ตอกตะปู 1 ตัวลงไปที่รั้วหลังบ้านก็แล้วกัน วันแรกผ่านไปเด็กน้อยตอกตะปูเข้าไปที่รั้วถึง 37 ตัว วันที่ 2 และ วันที่ 3 และแต่ละวันที่ผ่านไป ผ่านไปจำนวนตะปูก็ค่อยๆลดลง ลดลงๆ เพราะเด็กน้อยรู้สึกว่า การรู้จักควบคุมตัวเองให้สงบ ง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ




แล้ววันหนึ่ง หลังจากที่เขาสามารถ ควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น ใจเย็นมากขึ้น เขาเดินไปหาพ่อเพื่อบอกว่า เขาคิดว่าเขาไม่จำเป็นที่ต้องตอกตะปูอีกแล้ว เพราะเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว เขาสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น ไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนแล้ว



พ่อยิ้มแล้วบอกลูกชายว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ลองพิสูจน์ให้พ่อดู ทุกๆครั้งที่ลูกสามารถควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวของตัวเองได้ให้ถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้านที่ละ 1 ตัว วันแล้ววันเล่า เด็กชายก็ค่อยๆถอนตะปูออกทีละตัว ๆ จนในที่สุด วันหนึ่งตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออกเด็กชายดีใจมากรีบวิ่งไปบอกพ่อของเขาว่า ผมทำได้แล้วครับในที่สุดผมก็ทำได้สำเร็จ




พ่อไม่ได้พูดว่าอะไร แต่จูงมือลูกของเขาไปที่รั้วนั้น แล้วบอกลูกทำได้ดีมากทีนี้ลองมองกลับไปที่รั้วสิ เห็นมั๊ยว่ารั้วมันไม่เหมือนเดิมมันไม่เหมือนกับที่มันเคยเป็นก่อนหน้านี้ ลูกจำไว้นะ ว่าเมื่อไหร่ที่เราทำอะไรลงไปด้วยการใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมักจะเกิดรอยแผล เหมือนกับการเอามีดไปกรีดหรือแทงใครเข้า ต่อให้ใช้คำว่า..ขอโทษ..สักกี่หนก็ไม่อาจจะลบรอยแผลหรือความเจ็บปวดที่เกิดกับเขาคนนั้นได้ ลูกจงจำคำว่า ..ขอโทษ..ไว้เสมอนะ ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เรา หรือ ไม่ก็ตามนะจำไว้อีกด้วยว่า สิ่งที่มันเกิดขึ้น รอยร้าวที่เกิดขึ้นกับเขาเขาอาจจะไม่มีวันลืมมันได้......ตลอดไป



สิ่งที่สำคัญคือ รู้ทันความโกรธให้เร็วที่สุด ทันทีที่สติรู้ทันว่า เราปล่อยให้ความโกรธครอบงำ อย่างน้อยมันจะหยุดเพ่งโทษคนอื่นวางความยึดมั่นว่าเราถูกลงเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขสถานการณ์ดีกว่าปล่อยให้ความยึดว่า ตัวเองถูกเสมอ หรือฐิทิมานะมาทำลายทุกอย่างรวมทั้งชีวิตตัวเราเอง



อย่าลืมแชร์ บทความดีๆ ให้เพื่อนคุณอ่านล่ะ ^^


PP

PP

PP


CHANGE  เปลี่ยน

http://www.techcotruck.com

pp


ฟ้ารู้ ... ดินรู้ ... เรารู้


กราบหลวงพ่อ น้อมส่งหลวงพ่อจรัญ สู่สุขติภพสวรรค์ สาธุ ... 

http://www.techcotruck.com

PP


"กระต่ายในพระจันทร์"


วันนี้พระจันทร์สวยเลยนึกถึงนิทานชาดก เรื่องเก่าเล่าใหม่ไว้กันลืม^^


ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภการถวายบริขารทุกอย่างของพ่อค้าชาวเมืองคนหนึ่งได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...


          กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นกระต่ายอาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่งท่ามกลางหุบเขาและแม่น้ำล้อมรอบ มีสัตว์เป็นเพื่อนกันอัก ๓ ตัว คือ ลิง สุนัขจิ้งจอก และนาก สัตว์ทั้ง ๔ เป็นสัตว์มีศีลธรรม ทุกเย็นจะมาพบกันและฟังโอวาทของกระต่ายเสมอ


          ต่อมาวันหนึ่ง กระต่ายมองดูจันทร์รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันอุโบสถ จึงให้โอวาท ว่า " วันพรุ่งนี้ พวกเราจงพากันรักษาศีล ให้ทานเถิด เพราะมีผลบุญกุศลมาก ฉะนั้นพวกท่านจงเตรียมอาหารไว้แบ่งปันคนขอทานเถิด" สัตว์ทั้ง ๓ รับคำแล้วกลับไปยังที่อยู่ของตน


          ครั้นรุ่งขึ้นมีนายพรานคนหนึ่งตกเบ็ดได้ปลาตะเพียน ๗ ตัวฝังทรายกลบไว้แล้วก็ข้ามไปทางใต้น้ำต่อไป นากออกหาอาหารได้กลิ่นปลานั้นแล้วจึงร้องขึ้น ๓ ครั้ง รู้ว่าไม่มีเจ้าของแล้วจึงคาบเอาปลาทั้ง ๗ ตัวไปยังที่อยู่ของตน นอนรักษาศีลอยู่


          ฝ่ายลิงเข้าไปในป่าได้มะม่วงมาแล้วก็กลับที่อยู่ตนนอนรักษาศีลอยู่ ส่วนเจ้ากระต่ายรักษาศีลอยู่ที่อยู่ของตนไม่ได้ออกไปหาอาหารมาไว้ให้ทาน คิดที่จะสละชีวิตให้ทานว่า " ถ้ามีคนมาขออาหาร งา และข้าวสารของเราก็ไม่มี ถ้าเช่นนั้นเราจะให้เนื้อของเราแก่เขาก็แล้วกัน" คิดแล้วก็นอนรักษาศีลอยู่


          ด้วยอานุภาพแห่งศีลของกระต่ายเป็นเหตุให้บรรลังก์ของเท้าวสักกะเร่าร้อน ท้าวเธอจึงลงมาพิสูจน์คุณของศีลของสัตว์ทั้ง ๔ ด้วยการแปลงร่างเป็นพราหมณ์ไปยังที่อยู่ของนากก่อน ร้องขออาหารกับนาก นากจึงกล่าวว่า "พราหมณ์.. เรามีปลาตะเพียนอยู่ ๗ ตัว ขอเชิญท่านบริโภคเถิด" พราหมณ์รับไว้แล้วก็ไปที่อยู่ของสุนัขจิ้งจอก เอ่ยปากขออาหารอีก สุนัขจิ้งจอกก็มอบอาหารให้พร้อมกับพูดว่า "พราหมณ์.. ข้าพเจ้ามีเนื้อย่าง ๒ ไม้ เหี้ย ๑ ตัว นมส้ม ๑ หม้อ เชิญท่านบริโภคเถิด" พราหมณ์รับไว้แล้วก็ไปที่อยู่ของลิงเอ่ยปากขออาหารเช่นเคย ลิงก็มอบอาหารให้พร้อมกับพูดว่า "พราหมณ์.. มะม่วงสุก น้ำเย็น ร่มเงาไม่อันร่มรื่นขอเชิญท่านบริโภคและพักผ่อนก่อนเถิด"


          พราหมณ์รับไว้แล้วก็ไปที่อยู่ของกระต่ายพร้อมร้องขออาหารเช่นเดิม กระต่ายดีใจจึงพูดว่า " พราหมณ์… ขอเชิญท่านก่อไฟเถิด เราไม่มีอะไรจะให้ท่าน นอกจากเนื้อของเรานี่แหละ ขอเชิญท่านบริโภคเราเถิด" ว่าแล้วก็กล่าวเป็นคาถาว่า


         "กระต่ายไม่มีงา ไม่มีถั่ว ไม่มีข้าวสาร ท่านจงบริโภค เราผู้สุกด้วยไฟนี้ แล้วเจริญสมณธรรมอยู่ในป่าเถิด"


          ท้าวสักกะจึงเนรมิตให้มีกองไฟขึ้นแล้วบอกให้กระต่ายทราบกระต่ายลุกขึ้นจากหญ้าแพรกสลัดขนไล่สัตว์อื่น ๆ ๓ ครั้ง มีความดีใจ ไม่กลัวต่อความตาย กระโดดเข้ากองไฟไป แต่ก็ต้องแปลกใจว่าไฟทำไมเย็นยิ่งนักจึงถามพราหมณ์ดู ท้าวสักกะในร่างพราหมณ์จึงกล่าวว่า "ท่านบัณฑิต เรามิใช่พราหมณ์ดอก เราเป็นท้าวสักกะ มาเพื่อทดลองศีลของท่านเท่านั้นเอง"


          กระต่ายพูดว่า "ท่านท้าวสักกะ ท่านหวังจะทดลองข้าพเจ้าเท่านั้นเองหรือ แล้วชาวโลกจะรู้ว่าข้าพเจ้าปรารถนาให้ชีวิตเป็นทานได้อย่างไรกันเล่า" ท้าวสักกะตอบว่า "คุณความดีในการเสียสละชีวิตเป็นทานของท่านครั้งนี้จะมีปรากฏตลอดไป" ว่าแล้วก็เขียนรูปกระต่ายไว้บนดวงจันทร์เป็นสัญลักษณ์ให้ชาวโลกได้เห็นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แล้วก็หายวับกลับเทวโลกไป สัตว์ทั้ง ๔ ตัวได้รักษาศีลจนตราบสิ้นชีวิต


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : การรักษาศีลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตทั้งมนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน เพราะผู้มีศีลเทวดาย่อมคุ้มครอง

http://www.techcotruck.com

PP


ปรารถนาสิ่งใดไม่สำเร็จ
อาจเป็นเคล็ดเงื่อนงำวิบากหนา
อดีตผลกุศลตั้งสัจจา
ตั้งมรรคาขอหลุดพ้นวนเวียน

อกุศลผลกรรมมิแม้นมาก
เป็นวิบากหลงเหลือดุจเศษเสี้ยน
อวิชชาปกปิดแอบแนบเนียน
ไม่อาจเขียนลิขิตนึกจดจำ

ว่าเป็นเพราะกุศลอกุศล
เข้าให้ผลขมขื่นหรือขบขำ
ละอดีตอนาคตกฏกรรม
แล้วเฝ้าทำวันนี้้ประพฤติดี

ตั้งสัจศีลสมาธิปัญญา
อุเบกขาทุกข์สุขในโลกีย์
ภพคือทุกข์สุขยิ่งเปรี่ยมปราณี
ทรงตรัสมีแต่สงบรูปนาม

ไม่หวั่นไปลงไปกิเลสโลก
ต้องทุกข์โศกพลัดพรากดุจเสี้ยนหนาม
เมื่อความจริงปรากฏโทษติดตาม
สามารถข้ามวัฏฏะที่วนเวียน

ป.ล. ฝากสำหรับผู้ยังแสวงหาการหยั่งลงสู่ภพกล่าวแต่เพียงส่วนของสตรีเท่านั้นนะครับ กำหนดแสงสว่างเท่าปลายเข็มเย็นสว่างใส จดจ่อไปจุดต่ำกว่าสะดือสองนิ้ว หลังจากสวดมนต์ไหว้พระนั่งกรรมฐานทำสมาธิสำรวมจิตกำหนดแสงสว่างเท่าปลายเข็มเป็นอารมณ์ บริกรรมท่องจำอังคุลิมาลปริตรเ่ท่าที่มีเวลา สุขภาพร่างกายจะแข็งแรง สุขภาพจิตจะดีมีพลัง เพิ่มสติสัมปชัญญะในชีวิตประจำวัน รักษาศีล ๕ เจริญพร 


ยะโตหัง ภะคินิ อะริยายะ 
ชาติยา ชาโต นาภิชานามิ 
สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา 
โวโรเปตา เตนะ สัจเจนะ 
โสตถิ เต โหตุ โสตถิ คัพภัสสะฯ

                                                            คำแปล


น้องหญิง ตั้งแต่อาตมาเกิดในอริยชาติแล้ว 
มิได้มีเจตนา จะทำลายชีวิตสัตว์เลย
ด้วยความสัตย์จริงนั้นขอความสวัสดีจงมีแก่เธอ 
ขอความสวัสดีจงมีแก่บุตรในครรภ์ของเธอด้วยฯ

http://www.techcotruck.com

PP


ความลำบากของน้ำส้ม 1 แก้ว 


#ข้อคิดชีวิตครอบครัว


ผู้เป็นสามีคนหนึ่ง ทำงานเกี่ยวกับการก่อสร้าง บ่อยครั้งที่ไปดื่มสังสรรกลับมาถึงบ้านยามดึกดื่นถึงแม้ภรรยาของเขามักจะบ่นว่า แต่เห็นแก่ที่เขาเหนื่อยยากเพื่อครอบครัว ก็ยังคงอดกลั้นความโมโห คั้นน้ำส้มเช้งให้เขา ทุกครั้งที่เขาดื่มเสร็จก็จะล้มตัวลงนอน ไม่เคยรู้สึก


มีครั้งหนึ่ง เขาสนทนากับเพื่อนร่วมงานว่า กลับบ้านดึกๆดื่นๆภรรยามีปฏิกิริยาอย่างไร บางคนบอกว่า ถูกมองค้อนด้วยสายตา บางคนบอกทะเลาะหรือไม่ก็แยกไปนอนอีกห้อง เวลานั้น เขารู้สึกว่า ภรรยาของเขายังคั้นน้ำส้มเช้งให้แก่เขาเป็นเรื่องที่ทำให้ภรรยาลำบากจริงๆ


วันนั้น..เขากลับบ้านเร็วผิดปกติ อีกทั้งซื้อส้มเช้งมาถุงใหญ่ ภรรยาของเขาเห็นแล้วยิ่งหงุดหงิด คิดในใจว่า เขาคงจะดื่มน้ำส้มเช้งจนติด คล้ายดั่งเสพยาเสพติดแล้ว เลยต้องการให้เธอคั้นน้ำ-


ส้มเช้งมากมายเพียงนี้


แต่กลับนอกเหนือความคาดหมาย ยามที่เธอกำลังล้างถ้วยชามอยู่ สามีกลับเริ่มคั้นน้ำส้มเช้ง อีกทั้งพูดว่า " คิดไม่ถึง น้ำส้มเช้งแก้วเดียว ต้องใช้ส้มเช้งตั้งมากมาย "


" เธอเพิ่งจะรู้เหรอ ?" ภรรยาตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีนัก ไม่ง่ายเลยกว่าจะคั้นน้ำส้มเช้งได้เต็มแก้ว จิตใจที่รู้สึกขอบคุณภรรยาของเขา เขาใช้สองมือยกให้ภรรยา เวลานั้น ความรู้สึกของภรรยา หลายอย่างผสมผสานกัน ความไม่พอใจในอดีตที่ผ่านมา ล้วนสูญสลายไปสิ้น


คืนนั้น พวกเขานั่งด้วยกัน ดื่มน้ำส้มเช้งคั้นพร้อมๆกับเปิดอกพูดคุยกัน ยามนี้ ภรรยาจึงรู้ว่า หมู่นี้ธุรกิจการก่อสร้างไม่สู้ดี สามีแบกรับความกดดันไว้มากมาย อีกทั้งสามีก็เพิ่งกระจ่างว่า บ่อยครั้งที่ได้ละเลยความรู้สึกของภรรยาและลูก เกือบจะทำให้ครอบครัวต้องร้าวฉาน


* ในการดำเนินชีวิตของพวกเรา บ่อยครั้งที่ไม่รู้สึกถึงความรักที่คู่ครองที่ทุ่มเทให้รอจนกระทั่งไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น หรือสูญเสียไปแล้ว จึงรู้ว่าต้องหวงแหน ต้องทะนุถนอม บางครั้งต้องทำจิตใจให้สงบ คิดถึงฝ่ายตรงข้ามบ้าง จึงสามารถแนบชิดใกล้หัวใจของอีกฝ่าย...."


สายตาคู่หนึ่ง ที่มองด้วยความนุ่มนวล


คำพูดประโยคหนึ่ง ที่มาจากใจ


สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้าม มีความอดทนกับชีวิตที่ให้ความยากลำบากแก่เขามากมาย

http://www.techcotruck.com

PP


สวัสดี ปีใหม่ 2559 

http://www.truck.in.th/techco/

PP


มีขึ้น มีลง


มีลง มีขึ้น

http://www.techcotruck.com

pp


"เรื่องเล่าจากพระราชา" (ผู้รอดชีวิต) 


มองทุกๆอย่างในทางบวกบ้าง ชีวิตก็จะดีมีความสุขได้ เหมือนเรื่องนี้ ลองเสียเวลาอ่านสักนิดจะได้มีข้อคิดในแง่บวก สาธุ^^



นานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่ง มี อำมาตย์ คู่ใจที่ให้คำปรึกษาพระองค์ได้ตลอดเวลา


ขณะนั้นเกิดกบฎขึ้น พระราชาร้อนใจมาก จึงเรียกอำมาตย์คู่ใจมาพบและปรึกษาเรื่องกบฎ


... พระองค์อย่าทรงวิตกไปเลย การมีกบฎก็ดีเหมือนกัน


ดีอย่างไร


ก็เวลาปกติพระองค์ไม่ทราบได้ว่าใครรักใครเกลียด นี่เกิดพระองค์ก็ทราบแล้วว่าใครเกลียดพระองค์ 


พระราชาคิดได้ก็มีกำลังใจ ปราบกบฎจนราบคาบ บ้านเมืองสุขสงบ



ต่อมา ม้าพระราชาจะทรงม้าที่พระองค์รักมาก แต่ไม่ทันที่จะขึ้นไปบนม้า ม้าเกิดพยศ วิ่งเตลิดเข้าป่าไป พระราชาเศร้าใจมากทำใจไม่ได้เพราะเป็นม้าที่รักมาก ตรอมใจ ก็เรียกอำมาตย์คู่ใจมาปรับทุกข์



ม้าหายไปก็ดีอยู่แล้ว


ดีอย่างไร


ดีตรงที่มันวิ่งไปก่อนที่พระองค์จะขี่มันนะสิ ไม่งั้นทั้งม้าทั้งพระองค์หายไปหมด ใครจะครองเมือง


เออจริงของแก


พระราชาก็คลายความทุกข์ใจ



ต่อมาพระราชาออกไปล่าสัตว์ เกิดพลาดทำดาบหล่น ตัดนิ้วขาด 


อำมาตย์บอกว่านิ้วขาดก็ดีแล้ว


พระราชาโกรธมาก นิ้งขาดมันจะดียังไงวะ 


มึงไม่ขาดมั่งนี่ ด้วยความโกรธจึงสั่งให้เอาอำมาตย์ไปขังคุกโดยยังไม่ได้ถามเลยว่านิ้วขาดดีอย่างไร



ผ่านไปหลายปี พระราชาพร้อมผู้ติดตามก็ออกไปล่าสัตว์อีกคราวนี้หลงป่า ไปเจอเผ่ากินคน เผ่ากินคนก็จับทุกคนไปขังไว้ และพาออกมากินวันละคน แต่พระราชาตัวอ้วนเลยกะว่ากินคนสุดท้าย



วันแล้ววันเล่า


เผ่ากินคนก็กินผู้ติดตามจนหมด จนเหลือคนสุดท้ายเป็นพระราชา


เมื่อกำลังจะโดนฆ่าหัวหน้าเผ่ามองเห็นนิ้วเท้าพระราชามี 9 นิ้ว จึงเกิดความกลัว ว่าจะเกิดอาเพศ ไม่กล้ากินพระราชา จึงได้ปล่อยพระราชา 


พระราชาดีใจมาก เร่ร่อนรอนแรมจนกลับถึงเมือง


มาถึงก็นึกถึงอำมาตย์คู่ใจทันทีว่า


นิ้วขาดมันดีอย่างนี้นี่เอง


เกิดสำนึกผิดจึงบอกให้ไปปล่อยอำมาตย์ และให้มาเข้าเฝ้า



อำมาตย์เดินมาเข้าเฝ้าด้วยผมเพ้ารกรุงรัง 


พระราชาขอโทษอำมาตย์ที่ไม่ยอมถามว่านิ้วขาดดีอย่างไร บัดนี้รู้แล้วที่ข้ารอดชีวิตมาได้เพราะนิ้วขาด ตามที่เจ้าบอก ข้าขอโทษเจ้าจริง และจะปูนบำเหน็จให้เจ้าเป็นการตอบแทน



พระองค์สั่งขังคุกข้าก็ดีแล้ว อำมาตย์ตอบ


อ้าวทำไมล่ะไม่โกรธข้าเหรอ



ข้าจะโกรธพระองค์ได้อย่างไร พระองค์สั่งขังข้าไว้ในคุก ข้าก็เลยไม่มีโอกาสตามเสด็จไปล่าสัตว์กับพระองค์ไง ^^

http://www.techcotruck.com

PP

PP


เพราะ แสวงหา มิได้รอคอย

http://www.techcotruck.com

PP


ไม่ประมาท

http://www.techcotruck.com

PP


กลัว ... กล้า  ...

http://www.truck.in.th/techco/

PP


"ขงจื๊อ" เคยกล่าวไว้เมื่อ 2,000 ปีก่อนว่า...



คนฉลาดและขยัน ควรส่งเสริมให้เป็นแม่ทัพ,


คนฉลาดและขี้เกียจ ควรเลี้ยงไว้เป็นทหารฝ่ายเสนาธิการวางแผนอยู่เบื้องหลัง,


คนโง่และขี้เกียจเก็บไว้ใช้สอยทำงานตามคำสั่งก็พอไหว,


แต่ถ้าเจอคนโง่และขยัน ต้องเอาไปตัดหัวทิ้งทันที


เพราะจะทำให้งานเสีย และก่อความเดือดร้อนไม่รู้จบ



ไม่ว่าคุณจะเป็นคนฉลาด หรือคนโง่...การขยันแบบไม่รู้เวล่ำเวลา ขยันทำสิ่งผิดๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ดีแต่สร้างความเสียหายมากกว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เริ่มตั้งแต่วันนี้ก็ยังไม่สาย เลิกซะทีวัฒนธรรมการทำงานแบบขยันผิดที่ผิดเวลา



เหตุผลดีๆ ที่คนเราไม่ควรขยันแบบผิดๆ คือ



ประการที่ 1 : การขยันทำงานที่เน้นแต่ปริมาณโดยไม่ใช้สมอง ไม่มีทางทำให้ได้งานดีมีคุณภาพ!! ลองเปลี่ยนวิธีทำงานซะใหม่ คิดให้ถี่ถ้วนก่อนลงมือทำ และจัดอันดับความสำคัญให้เป็น เชื่อสิครับว่างานจะเสร็จเร็วกว่าเดิมเยอะ แถมยังได้งานดีมีคุณภาพ ไม่ใช่สักแต่ทำไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้จักวางแผนงาน



ประการที่ 2 : การโหมงานโต้รุ่ง และนอนดึกตื่นสาย ทำลายความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เพราะสมองที่เบลอไม่มีทางคิดอะไรออก เรื่องนี้คอนเฟิร์มโดย "เอเรียนนา ฮัฟฟิงตัน" คอลัมนิสต์ชื่อดังชาวอเมริกันเชื้อสายกรีก แห่งเว็บไซต์ฮัฟฟิงตัน โพสต์ ที่ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส์ ให้เป็นหนึ่งในผู้หญิงทรงอิทธิพลที่สุดในวงการสื่อโลก



ประการที่ 3 : การขยันทำงานตอนไฟลนก้นทำให้อารมณ์เสีย และทำลายความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง ลองจัดสรรเวลาทำงานใหม่ โดยเตรียมงานไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วคุณจะไม่ต้องปรี๊ดแตกใส่ใครต่อใครให้เสียบรรยากาศ



ประการที่ 4 : ถ้าคุณเป็นเจ้านายคน ควรเป็นแบบอย่างที่ดีของลูกน้อง โดยเฉพาะการบริหารจัดการเวลา คนที่ทำงานเป็น ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาอยู่ในออฟฟิศจนดึกดื่น เพื่อให้ได้ผลงานน้อยนิด



ประการที่ 5 : การขยันทำงานหามรุ่งหามค่ำบั่นทอนสุขภาพให้ทรุดโทรม ตัวอย่างสุดช็อกเกิดขึ้นปลายปีที่แล้ว เมื่อสาวน้อยก๊อบปี้ไรเตอร์โฆษณาชาวอินโดนีเซีย "มิต้า ดิแรน" วัย 24 ปี หัวใจวายตายคาโต๊ะหลังทำงานหนักติดต่อกัน 30 ชั่วโมง โดยไม่ได้หยุดพัก



ประการที่ 6 : หยุดคิดสักนิด แล้วจะรู้ว่างานส่วนใหญ่ที่บ้าทำตอนนี้ แทบไม่มีความสำคัญอะไรเลย มนุษย์เงินเดือนจำนวนมากก้มหน้าก้มตาทำงานซ้ำๆ อยู่ในออฟฟิศวันละหลายชั่วโมง โดยไม่เคยถามตัวเองว่า สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ มีประโยชน์กับชีวิตมากน้อยแค่ไหน ทำให้เราพัฒนาขึ้นหรือเปล่า และให้อะไรกับสังคมบ้าง?



ประการที่ 7 : ครอบครัวต้องมาก่อน อย่าปล่อยให้งานทำชีวิตพัง ความก้าวหน้าทางการงาน อาจสำคัญสำหรับใครหลายๆ คน แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว เทียบไม่ได้เลยกับการมีครอบครัว อบอุ่นน่ารัก เพราะไม่ว่ายามสุขหรือทุกข์ พวกเขาคือคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเราจริงๆ

http://www.techcotruck.com

Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

view
ขนาดถังน้ำมันมาตรฐานพร้อมส่ง (Sizeมาตรฐาน)

view