《 流浪汉与菩萨 。 > คนจรจัดกับพระพุทธเจ้า 》
มีคนจรจัดผู้หนึ่ง เดินเข้าไปในวัด เห็นพระพุทธเจ้านั่งอยู่บนแท่นดอกบัว
ผู้คนกราบไหว้ คิดอยากให้ตนเองเป็นเช่นนั้นบ้าง
คนจรจัด : พระพุทธเจ้า ผมสามารถแลกเปลี่ยนกับท่านหรือไม่ ?
พระพุทธเจ้า : ได้ซิ แต่มีข้อห้ามข้อหนึ่ง
คนจรจัด : ข้อห้ามอะไร ?
พระพุทธเจ้า : ขอเพียงเจ้าไม่เอ่ยปากพูด ไม่ว่าเห็นเรื่องราวอะไร หรือว่า เห็นใคร เจ้าก็ต้องห้ามเอ่ยปาก พูดใดๆออกมาทั้งสิ้น
คนจรจัด : นี่ง่ายมาก ไม่มีปัญหา
คนจรจัด..ขึ้นไปนั่งบนแท่นดอกบัว สิ่งที่เขาเห็น ผู้คนสับสนอลหม่านวุ่นวาย ผู้มาบนบานหวังสิ่งที่ตนต้องการก็มากมาย เขาล้วนสามารถอดกลั้นไว้ ไม่เอ่ยอะไรออกมาจากปาก
วันหนึ่ง..เศรษฐีท่านหนึ่งได้มาที่วัด
เศรษฐี " ขอท่านพระพุทธเจ้า ประทานคุณธรรมแก่ข้า " จากนั้นคุกเข่ากราบไหว้ ลุกขึ้นยืน ช่วงนี้กระเป๋าเงินของเขา ได้ร่วงหล่นลงพื้น คนจรจัดกำลังคิดที่จะเอ่ยปากเตือน เขานึกถึงข้อห้ามของพระพุทธเจ้าได้
หลังจากเศรษฐีกลับไป มีผู้ยากจนเข้ามา " ขอท่านพระพุทธเจ้า ประทานเงินทองแก่ข้า คนที่บ้านป่วยหนัก ต้องการใช้เงินเพื่อรักษา " คุกเข่ากราบไหว้ลุกขึ้นยืน เขาเห็นกระเป๋าเงินใบหนึ่ง ร่วงหล่นอยู่บนพื้น
ผู้ยากจน " พระพุทธเจ้า ทำให้คำวิงวอนของข้าเป็นจริงแล้ว " เขาหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมา แล้วก็เดินจากไป
คนจรจัด..คิดจะเอ่ยปากบอกว่า ไม่ใช่คำวิงวอนกลายเป็นจริง นั่นเป็นของที่ผู้อื่นทำร่วงหล่นไว้ แต่เขาก็ฉุกคิดถึงข้อห้าม ของพระพุทธเจ้าได้ก่อน
ยามนี้..มีชาวประมงเข้ามาหนึ่งคน " วิงวอนพระพุทธเจ้า ประทานความปลอดภัยแก่ข้า ออกทะเลขออย่าพบเจอคลื่นลมพายุ " คุกเข่ากราบไหว้ ลุกขึ้นยืน
เขากำลังจะจากไป กลับถูกท่านเศรษฐี ที่ย้อนกลับมาจับแขนไว้ เพื่อกระเป๋าเงินแล้ว ทั้งสองเกิดการชกต่อยกัน เศรษฐีมั่นใจชาวประมง เก็บกระเป๋าเงินของเขาไป ส่วนชาวประมงหมดความอดทนอดกลั้น ที่ถูกใส่ร้ายป้ายสี
คนจรจัด..ทนดูต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เขาตะโกนเสียงดังขึ้นมาว่า " หยุคมือ "
แล้วเล่าเรื่องราวความเป็นจริงให้ทั้งสองรับรู้ ข้อพิพาทจึงได้ยุติ
ดังนั้น..ชาวประมงจึงรีบกลับไปลงเรือออกทะเล ส่วนเศรษฐีผู้นั้น ก็ไปตามหาคนยากจนผู้นั้น เพื่อสะสางบัญชี
พระพุทธเจ้า..พูดกับคนจรจัดว่า " เจ้าคิดว่า กระทำเช่นนี้ถูกต้องแล้วหรือ ?
ทำไมเจ้าถึงตบะแตก เจ้ารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า จะไม่เอ่ยปากพูดอะไร
เจ้ารู้หรือไม่ ในส่วนลึกๆแล้ว ข้าได้ปกปักคุ้มครองให้ศีลให้พร เพราะว่า..
เรือจะถูกจม ข้าต้องการให้เศรษฐีกับชาวประมง ทะเลาะวิวาท เพื่อยื้อเวลาออกไป ไม่ให้เขานั่งเรือลำนั้น สมาธิของเจ้า ช่างอ่อนไหวจริงๆ พูดมากย่อมต้องมีผิดพลาด
พระพุทธเจ้าพูดต่อว่า " เจ้าเอ่ยปาก นึกว่าตัวเองมีความยุติธรรมงั้นหรือ ?
ทว่า คนยากจนผู้นั้น ด้วยเหตุนี้ ก็จะไม่ได้เงินก้อนนั้น เพื่อช่วยเหลือชีวิตคนในบ้าน
เศรษฐีไม่มีโอกาส ปฏิบัติคุณธรรมความดี สร้างบุญกุศล ชาวประมงประสบพบเจอพายุพอดี จมอยู่ก้นทะเล หากเจ้าไม่เอ่ยปาก คนในบ้านของผู้ยากจนก็มีโอกาสรอดชีวิต เศรษฐีสูญเสียเงินน้อยนิด แต่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น ได้สั่งสมบุญกุศล
ส่วนชาวประมง เนื่องจากทะเลาะวิวาท ไม่สามารถลงเรือ หลบพ้นลมพายุตอนนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ " คนจรจัดฟังแล้ว รู้สึกละอายใจยิ่ง เดินออกจากวัดไปอย่างเงียบๆ
เรื่องราวมากมาย ควรเป็นเช่นไร ก็ให้เป็นเช่นนั้น รอคอยให้มันเกิดตามธรรมชาติ ผลที่ได้ต้องดีกว่า ทว่า ยามที่เผชิญหน้ากับความเป็นจริง จะมีใครรู้บ้างล่ะ ?
สิ่งของ~เรื่องราวในตัวมันเอง จะมีผลที่ออกมาเป็นอย่างไรล่ะ ?
静觀其變 , 是一種能力 。
รอดูการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบสงบ เป็นความสามารถอย่างหนึ่ง
順其自然 , 是一種幸福 。
คล้อยตามธรรมชาติ ไม่แข็งขืนไม่ฝืน เป็นความสุขอย่างหนึ่ง
พระพุทธเจ้า เคราพในเหตุและผล จึงไม่เอ่ยปาก ปล่อยวาง ฝึกสมาธิ
ฝึกจิตใจ ปฏิบัติเพื่อไม่ให้จิตใจ คล้อยตามเรื่องราวภายนอก
ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ไม่ได้นั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ย่อมไม่สามารถเห็นภาพจุดยุติ
พวกเราจึงยังคงเป็น คนจรจัดบนโลกใบนี้ ในส่วนลึกๆแล้ว ทั้งหมดทั้งมวล
สวรรค์เบื้องบน ย่อมมีการจัดการที่ดีที่สุดอยู่แล้ว
http://www.techcotruck.com