http://www.techcotruck.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

 หน้าหลัก

 รูปสินค้า

 ลงประกาศซื้อ-ขาย

 พูดคุย-แลกเปลี่ยน

 ติดต่อเรา

เฟสบุ้ค

10000 รู้ ... มิสู้ รู้ปล่อยวาง เพียงเรื่องเดียว ^.^

(อ่าน 23421/ ตอบ 343)

PP

10000 รู้ ... มิสู้ รู้ปล่อยวาง เพียงเรื่องเดียว ^.^

ข้อคิดดีๆ จาก "รอยตะปู"



เด็กน้อยคนหนึ่งอารมณ์ไม่ค่อยจะดีพ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขา 1 ถุงและบอกเขาว่า ทุกครั้งที่ลูกรู้สึกไม่ดี โมโห หรือโกรธใครก็ตาม ให้ตอกตะปู 1 ตัวลงไปที่รั้วหลังบ้านก็แล้วกัน วันแรกผ่านไปเด็กน้อยตอกตะปูเข้าไปที่รั้วถึง 37 ตัว วันที่ 2 และ วันที่ 3 และแต่ละวันที่ผ่านไป ผ่านไปจำนวนตะปูก็ค่อยๆลดลง ลดลงๆ เพราะเด็กน้อยรู้สึกว่า การรู้จักควบคุมตัวเองให้สงบ ง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ




แล้ววันหนึ่ง หลังจากที่เขาสามารถ ควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น ใจเย็นมากขึ้น เขาเดินไปหาพ่อเพื่อบอกว่า เขาคิดว่าเขาไม่จำเป็นที่ต้องตอกตะปูอีกแล้ว เพราะเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว เขาสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น ไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนแล้ว



พ่อยิ้มแล้วบอกลูกชายว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ลองพิสูจน์ให้พ่อดู ทุกๆครั้งที่ลูกสามารถควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวของตัวเองได้ให้ถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้านที่ละ 1 ตัว วันแล้ววันเล่า เด็กชายก็ค่อยๆถอนตะปูออกทีละตัว ๆ จนในที่สุด วันหนึ่งตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออกเด็กชายดีใจมากรีบวิ่งไปบอกพ่อของเขาว่า ผมทำได้แล้วครับในที่สุดผมก็ทำได้สำเร็จ




พ่อไม่ได้พูดว่าอะไร แต่จูงมือลูกของเขาไปที่รั้วนั้น แล้วบอกลูกทำได้ดีมากทีนี้ลองมองกลับไปที่รั้วสิ เห็นมั๊ยว่ารั้วมันไม่เหมือนเดิมมันไม่เหมือนกับที่มันเคยเป็นก่อนหน้านี้ ลูกจำไว้นะ ว่าเมื่อไหร่ที่เราทำอะไรลงไปด้วยการใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมักจะเกิดรอยแผล เหมือนกับการเอามีดไปกรีดหรือแทงใครเข้า ต่อให้ใช้คำว่า..ขอโทษ..สักกี่หนก็ไม่อาจจะลบรอยแผลหรือความเจ็บปวดที่เกิดกับเขาคนนั้นได้ ลูกจงจำคำว่า ..ขอโทษ..ไว้เสมอนะ ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เรา หรือ ไม่ก็ตามนะจำไว้อีกด้วยว่า สิ่งที่มันเกิดขึ้น รอยร้าวที่เกิดขึ้นกับเขาเขาอาจจะไม่มีวันลืมมันได้......ตลอดไป



สิ่งที่สำคัญคือ รู้ทันความโกรธให้เร็วที่สุด ทันทีที่สติรู้ทันว่า เราปล่อยให้ความโกรธครอบงำ อย่างน้อยมันจะหยุดเพ่งโทษคนอื่นวางความยึดมั่นว่าเราถูกลงเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขสถานการณ์ดีกว่าปล่อยให้ความยึดว่า ตัวเองถูกเสมอ หรือฐิทิมานะมาทำลายทุกอย่างรวมทั้งชีวิตตัวเราเอง



อย่าลืมแชร์ บทความดีๆ ให้เพื่อนคุณอ่านล่ะ ^^


pp

pp

pp

pp


เกิดแต่ ...ตม...         อย่าลืม ... ตม ...

http://www.techcotruck.com

pp

pp


ในโลกมีกฎธรรมชาติเป็นกฎหลัก ที่จะสามารถหาข้อพิสูจน์ได้ เช่น การเกิดและการดับ


แต่มนุษย์ก็มักจะเสริมเติมแต่ง ไปกับเรื่องราวความเป็นมา และสิ่งที่โน้มน้าวจิตใจ ซึ่งไม่ว่าสังคมส่วนใหญ่จะคล้อยตามอย่างไร สุดท้ายก็จะหนีไม่พ้นจากกฎธรรมชาติ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ บางทีอาจจะเรียกได้ว่า "ธรรมชาติของมนุษย์"


ทั้งที่การเข้าใจหลักธรรมชาติเพียงข้อเดียว อย่างมีสติและความหนักแน่นมากพอ จนไม่หลงไปกับความคิดมากมาย ก็เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตมีคุณค่ามากพอแล้ว เช่น


การเกิดและการดับ ที่สอนให้ไม่หลงยึดติดในสิ่งใด เพียงแค่ให้รู้ในขณะนั้นว่ามีอยู่


หรือความอดทน ที่สามารถเอาชนะได้ทุกเรื่อง อย่างที่ คุณหมอบวร จันทร์โภคาไพบูลย์ ได้เขียนไว้ว่า


"โจโฉมีพลังฟ้าถือฮ่องเต้


เล่าปี่มีพลังคน


ซุนกวนมีพลังดินชัยภูมิดี อุดมสมบูรณ์



ขงเบ้งมีครบสามพลัง


รู้ฟ้า รู้ดิน รู้คน


ไม่เคยแพ้ใครยกเว้นสุมาอี้



สุมาอี้มีสิ่งเดียว คือ ความอดทน



หลายๆท่านที่ต้องดูแล บริบาลญาติผู้ใหญ่


ถ้าท่านทำมาจากความตั้งใจ ไม่ต้องอดทน



แต่ถ้าไม่สุขใจ ขอให้นึกถึงอักษรจีน "อดทน" ที่ประกอบด้วย มีดและใจ เปรียบเสมือนมีดที่จะบาดใจท่านเอง"



หรือความหนักแน่น ที่คุณศรีมาตาจี นิรมลา เทวี ได้กล่าวว่า



"ความหนักแน่นทำให้คุณสามารถดึงดูดผู้คน และความหนักแน่นนี้หมายความว่า คุณจะไม่ถูกรบกวนด้วยความวุ่นวาย หรือสิ่งอื่นใดได้ง่ายๆ  หมายถึงคุณยืนอยู่ตรงกลาง คุณเห็นทุกอย่างแต่ก็ไม่ถูกรบกวน ไม่รู้สึกถูกล่อลวง เป็นผู้มีความพอใจด้วยตัวของตัวเอง ไม่ร้องขอสิ่งใด ไม่ต้องการสิ่งใด ไม่แก้แค้น แต่ให้อภัย คุณไม่วิ่งตามคนที่ทำสิ่งผิด คุณแค่ยืนอยู่ตรงนั้น และการที่คุณยืนอยู่ตรงนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้อื่นกลัวและสอนพวกเขาได้แล้ว เพราะว่าคุณยืนอยู่ในจุดที่คุณจะไม่มีวันถูกทำลาย”



ซึ่งหมากล้อมได้จำลองหลักของธรรมชาติเหล่านี้ไว้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอน มีเกิดก็มีดับ ความอดทนเฝ้ารอโอกาสโดยไม่ยอมให้จิตใจพ่ายแพ้ไปเสียก่อน ความหนักแน่นที่จะดำเนินตามแผนการโดยที่จิตใจไม่หวั่นไหว



ยังมีสิ่งที่จะได้รับจากหมากล้อมอีกมากมาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องคิดมากให้วุ่นวาย อย่างเรื่อง แพ้-ชนะ ก็เป็นธรรมดา การพัฒนาตนเองย่อมสำคัญกว่า เพียงแค่ค่อยๆ ยึดหลักและตั้งใจจริง ก็จะเกิดปัญญามากพอให้สามารถเข้าใจหลักคิดข้ออื่นๆ ตามมาได้



หมากล้อมเป็นวิธีการสร้างคน จึงไม่แปลกที่นักปกครองของจีนมักจะเล่นหมากล้อม เพื่อฝึกให้รู้จักมองภาพรวมทั้งหมด



ลองมาอ่านเรื่อง "สร้างคนก่อน สร้างวัตถุ" ที่แชร์ต่อๆกันมา



"เมื่อชาวจีนโบราณต้องการอยู่อย่างปลอดภัยพวกเขาได้สร้างกำแพงเมืองจีนที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาโดยเชื่อว่าจะไม่มีมนุษย์หน้าไหนสามารถปีนมันได้เพราะสูงมาก แต่ทว่า..!



ภายในร้อยปีแรกหลังการสร้างกำแพงนั้นเมืองจีนกลับถูกรุกรานถึงสามครั้ง!



ในแต่ละครั้งกองทัพบกของศัตรูไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทะลวงกำแพงหรือปีนมันเลยแม้แต่น้อย..! 



แต่ทว่าในทุกครั้งพวกเขาใช้วิธีติดสินบนยามเฝ้าประตูแล้วเข้าทางประตูนั่นแหละ



แน่นอนว่าชาวจีนมัวแต่ห่วงเรื่องสร้างกำแพงจนลืมสร้างคนเฝ้ากำแพง..!



ทั้งที่การสร้างคนต้องมาก่อนการสร้างทุกสิ่ง และนี่คือสิ่งที่คนหนุ่มสาวของพวกเราทุกวันนี้ต้องตระหนักให้มาก



นักบูรพาคดีคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า: ถ้าท่านต้องการทำลายอารยธรรมของประชาชาติหนึ่งประชาชาติใดมีขั้นตอนอยู่สามอย่างคือ: 



1.ทำลายครอบครัว



2.ทำลายการศึกษา



3.ล้มบุคคลต้นแบบและตัวอย่างที่ดีงามของพวกเขา



เมื่อแม่ที่ฉลาด ครูที่จริงใจและต้นแบบที่ดีหายไป ใครเล่าจะเลี้ยงดูต้นกล้าเยาวชนให้มีคุณธรรม?"



แน่นอนว่าคุณค่าของกำแพงก็ยังมีอยู่ และในตอนท้ายที่กล่าวถึงการทำลายอารยธรรม อาจสรุปได้คือการสร้างความไม่เข้าใจ จนเกิดเป็นความคิดที่แตกแยก จนทำให้หลงลืมไปว่าทุกอย่างอยู่ที่มุมมอง และการหยิบมาใช้ให้เหมาะสม ถ้ามีทัศนคติที่ดีก็จะแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสมมากกว่าจะกล่าวโทษสิ่งรอบตัว

จริงๆแล้วหลักคิดก็ไม่จำเป็นจะต้องยาก จึงอยากให้เข้าใจตรงกันด้วยว่า จิตใจควรอยู่เหนือความคิดห้ความคิดคิดไป แล้วให้จิตใจยืนควบคุมดูแลอีกที เมื่อฝึกบ่อยๆ เมื่อจิตใจรู้สึกถูกกระทบไม่ว่าจากความคิดตนเอง หรือความคิดผู้อื่นก็จะรู้ตัวได้ไวขึ้น มาฝึกไปด้วยกันนะครับ


CR: ซีเอ็ม. โกะ (07/02/17)

http://www.techcotruck.com

pp


"จงปฏิบัติอย่างคนโง่ 


อย่าปฏิบัติอย่างคนรู้มาก 



เพราะเป้าหมายของการปฏิบัติ


คือ เพื่อความว่างจากกิเลส 



ว่างจากความยึดมั่น หมายมั่น ต่างๆ 


เพื่อความเบาสบาย ความปลอดโปร่ง 


และไม่ต้องแบก..แม้กระทั่งความดี"



หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

http://www.techcotruck.com

pp

pp

pp

pp

ขโมย....... ตอนที่ 2


ตำรวจพยายามค้นหาทุกซอกทุกมุม


เพราะเชื่อว่ามีคนอยู่ในบ้านแน่นอน ในที่สุด


ก็เจอผู้หญิงคนนั้นซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้า 


เธอยอมรับว่าเป็นขโมย และที่น่าแปลก


ก็คือเธอบอกว่าอยู่ในบ้านของผู้ชายคนนั้น


มาสองเดือนแล้ว เธอไม่ได้ไปไหนเลย 


ซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้านตลอดเวลา 


เพราะว่าเป็นคนจรจัด เร่ร่อน 


เธอเล่าว่าวันหนึ่งเห็นประตูบ้านหลังนี้เปิดอยู่


ก็เลยเข้าไป แล้วก็ซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้า 


เวลาเจ้าของบ้านออกไปทำงาน เธอก็ออกมาอาบน้ำ 


กินข้าว พอเจ้าของบ้านกลับมา


ก็ซ่อนตัวอยู่ในตู้เหมือนเดิม 


ผู้ชายคนที่เป็นเจ้าของบ้าน


นึกว่าเขาอยู่คนเดียวในบ้านมาโดยตลอด 


แต่ที่แท้ก็มีคนอยู่ในบ้านกับเขาด้วย 


เพราะฉะนั้นพวกเราเวลาอยู่คนเดียว 


ก็ต้องแน่ใจนะว่าอยู่คนเดียว ไม่มีใครอยู่กับเราด้วย



ผู้ชายคนนี้หลงคิดว่าขโมยอยู่นอกบ้าน 


จึงคิดแต่จะป้องกันไม่ให้คนภายนอกเข้ามา 


แต่ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าที่จริงแล้วขโมยอยู่ในบ้าน 


และซุกซ่อนอยู่ใกล้ตัวเขามาตลอด  


ที่จริงไม่ใช่แต่ผู้ชายคนนี้  


ตัวเราก็มีขโมยอยู่ข้างในเหมือนกัน 


เวลาเรากินอาหารเข้าไป แทนที่สารอาหาร


จะเข้าไปเลี้ยงร่างกายเรา 


มันกลับถูกขโมยไปเลี้ยงพยาธิ 


หรือไม่ก็ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็งจนเติบใหญ่เป็นก้อน 


อันนี้ก็เป็นการขโมยเหมือนกัน 


คือขโมยสุขภาพของเราไป 


ไม่ใช่แค่สิ่งภายนอกเท่านั้น


ที่ทำให้สุขภาพของเราแย่ 


บางทีตัวการที่บั่นทอนสุขภาพเรา


ก็อยู่ในร่างกายของเรานี้เอง 



แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือสิ่งที่ขโมยความสุขไปจากเรา 


ซึ่งไม่ได้อยู่ข้างนอก ตัวขโมยความสุขจริง ๆ 


อยู่ข้างใน ไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก อยู่ในใจเรา



เราอย่าไปคิดว่าเป็นเพราะเจ้านาย 


เป็นเพราะเพื่อนร่วมงาน 


หรือว่าเป็นเพราะนักการเมือง หรือว่าเพื่อนบ้าน


ที่ทำให้เราไม่มีความสุข หรือทำให้ความสุขของเรา


ลดน้อยถอยลง ที่จริงแล้วความสุขหายไป


ก็เพราะว่าขโมยที่อยู่ในใจเรานั้นเอง 



คือกิเลสและอารมณ์ต่าง ๆ ที่ครอบงำใจเรา 


ถ้าใจเราเปิดให้อารมณ์ต่าง ๆ เข้ามาครองใจ เช่น 


ความโกรธ ความเศร้าเสียใจ ความหดหู่ 


ความอิจฉา ความน้อยเนื้อต่ำใจ เราก็ไม่มีความสุข 


สิ่งเหล่านี้คือตัวการที่ขโมยความสุขไปจากเรา 


ไม่ใช่คนอื่น ไม่ใช่ใครที่อยู่ข้างนอก



แต่ว่ายังไม่สายที่เราจะไล่ขโมยเหล่านี้


ออกไปจากใจของเรา วิธีการก็คือ


ทำใจของเราให้มั่นคง 


เข้มแข็ง ไม่เปิดให้อารมณ์ต่าง ๆ เข้ามาครอบงำได้ 


จะทำอย่างนั้นได้ก็ต้อง  "ปลูกสติขึ้นมารักษาใจ" 



สติเปรียบเหมือนยามเฝ้าบ้าน เป็นผู้รักษาประตูเมือง 


บ้านหรือเมืองก็คือใจ  สติจะเป็นยามรักษาใจไม่ให้ 


ขโมยหรือโจรผู้ร้ายเข้ามาก่อกวนจิตใจ 


หรือขโมยความสุขไปจากใจเรา ถ้าเรามีสติดี


เราจะไม่ปล่อยใจไปตามอารมณ์ ทุกวันนี้เราทุกข์


เพราะเราปล่อยใจไปตามอารมณ์ 


หรือปล่อยให้อารมณ์ต่าง ๆ 


เข้ามาครอบงำ ไม่รู้จักปล่อย ไม่รู้จักวาง 


หมกมุ่น ครุ่นคิดอยู่กับสิ่งต่าง ๆ จนเป็นทุกข์ 



แต่ถ้าเรามีสติ


เราก็จะรู้ตัวว่าตอนนี้อารมณ์เข้ามาครอบงำใจ 


หรือกำลังขโมยความสุขไปจากเรา สติช่วยให้


เรารู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น  เหมือนกับเจ้าของบ้าน


ที่เห็นขโมยกำลังยุ่มย่ามอยู่ในบ้าน ขโมยนั้น


พอรู้ว่าเจ้าของบ้านรู้ทัน มันก็จะหนีไปเอง 


ไม่ยอมอยู่ให้ถูกจับง่าย ๆ



การปฏิบัติธรรมก็คือการสร้างสติหรือ


ธรรมะมารักษาใจ 


ซึ่งก็ช่วยทำให้เรามีความปกติสุขได้ 


เวลามีอะไรมากระทบหรือเวลามีเหตุร้ายเกิดขึ้น 


มันก็กระเทือนได้แต่ภายนอก อาจจะทำให้ทรัพย์สมบัติของหายไป แต่ก็ไม่ทำให้เราทุกข์ใจ  อาจจะทำให้เราเจ็บป่วย แต่มันก็หยุดอยู่แค่กาย 


ไม่ทำให้ใจเป็นทุกข์ด้วย 


แม้จะมีคนตำหนิ ต่อว่า คำตำหนิต่อว่านั้นก็เป็นเพียงแค่เสียงที่มากระทบกับหู แต่ว่ามันไม่สามารถทิ่มแทงใจเราได้ ทั้งนี้เพราะว่าเรามีสติคอยเป็นยามรักษาใจของเรา 



การปฏิบัติธรรมก็คือการเสริมสร้างสติปัญญา 


รวมทั้งสมาธิและคุณสมบัติอื่น ๆ ในฝ่ายบวก


ให้เกิดขึ้นในใจเรา เพื่อที่เราจะสามารถ


มีความสุขได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่สุขกายเท่านั้น 


แต่สุขใจด้วย แม้ในยามที่กายทุกข์ 


แต่ว่าใจก็ยังเป็นสุข ในยามที่เจอความพลัดพราก


สูญเสียใจก็ไม่หวั่นไหว เพราะรู้ว่ามันเป็นธรรมดา 


หรือเพราะรู้ว่าถ้าปล่อยใจให้ทุกข์


ก็มีแต่จะซ้ำเติมตัวเอง 


เมื่อจะเสียก็เสียอย่างเดียว จะไม่ยอมเสียสองอย่าง 


เสียคนรักก็เสียแค่นั้น แต่ว่าใจไม่เสีย 


สุขภาพไม่เสีย ยังเป็นผู้เป็นคนอยู่ได้ 


ก็ทำให้เราอยู่ได้อย่างมีความสุข 


นี่คือสิ่งที่จำเป็นต้องมี



เราอย่าไปคิดว่าจะสามารถป้องกันไม่ให้เหตุร้าย


เกิดขึ้นกับเราได้ในทุกเรื่อง 


บางคนมีความหวังอย่างนั้น 


พยายามทำบุญทำทาน เข้าวัดเป็นประจำ 


ด้วยความเชื่อว่า บุญนั้นจะช่วยปกป้อง


ไม่ให้เกิดเหตุเภทภัยได้ 


ตอนนี้หลายคนก็ไปทำบุญ เพราะหวังว่า


จะไม่เกิดภัยพิบัติขึ้น


ในปีนี้เหมือนอย่างปีก่อน บุญนั้นช่วยได้ก็จริง 


แต่ก็ไม่สามารถที่จะป้องกัน


เหตุร้ายได้ ๑๐๐ เปอร์เซนต์  


ขนาดคนที่มีบุญมากมายอย่างพระอรหันต์


หลายท่านหรือแม้แต่พระพุทธเจ้า


ก็ยังต้องเจอกับเหตุร้าย แล้วเราเป็นแค่ปุถุชน 


ไม่ว่าเราจะทำบุญแค่ไหน 


บุญก็ไม่สามารถจะเป็นทำนบหรือกำแพง


ป้องกันเหตุร้ายได้ ๑๐๐ เปอร์เซนต์ 


มันก็คงมีที่ทะลักหรือเล็ดรอดเข้ามาถึงตัวเราบ้าง 



ตรงนี้แหละที่เราต้องอาศัยใจที่ฉลาด


ในการป้องกันไม่ให้ความทุกข์มาแผ้วพาน


หรือมาทำร้ายได้ ก็เหมือนกับการที่


เราพยายามป้องกันน้ำท่วม 


ไม่ว่าจะป้องกันอย่างไร ก็ต้องเผื่อใจไว้


ว่ามันอาจจะล้นข้ามทำนบมาได้ 



แต่ไม่ว่ามันจะมาอย่างไรเราก็สามารถรับมือกับมันได้ 


เพราะว่าเราไม่ได้เตรียมแต่ตัวหรือเตรียมการป้องกัน


ด้วยวัตถุเท่านั้น แต่เรายังป้องกันที่จิตใจของเราด้วย 



ถ้าเข้าใจตรงนี้ก็จะมีคำตอบ


ว่าทำไมต้องมาปฏิบัติธรรม  


คนที่เข้าใจความจริงของชีวิตจะไม่ถามด้วยซ้ำ


ว่าทำไมต้องปฏิบัติธรรม 


เพราะเขารู้ว่าอนาคตมันก็ไม่แน่



การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกับการเตรียมพร้อมอยู่เสมอ  


อย่างที่เขาพูดว่า “ยามสงบเราฝึก ยามศึกเรารบ”  


ไม่ใช่ว่าต่อเมื่อเกิดสงครามแล้วค่อยมาฝึกกัน 



ประเทศใดที่ทหารเริ่มมาฝึกซ้อมกัน


เมื่อเกิดสงครามแล้ว ประเทศนั้นก็คงถูกยึดครอง


หรือพ่ายแพ้ต่อศัตรูเป็นแน่ ทุกประเทศจึงต้องฝึกในยามสงบ ฝึกอย่างจริงจัง


เพื่อว่าพอเกิดสงครามจะได้รับมือกับมันได้ทันท่วงที  


ชีวิตของคนเราก็ต้องเจอกับสงครามเช่นกัน 


คือสงครามชีวิต ไม่มากก็น้อย ไม่วันใดก็วันหนึ่ง 


แต่ขณะที่ชีวิตยังสงบราบเรียบ


เราก็ต้องฝึกเอาไว้ก่อน



เราฝึกเพื่อพร้อมรับมือกับเหตุร้ายที่เข้ามาในชีวิต  


ไม่ใช่สู้กับใคร ไม่ได้สู้กับสิ่งภายนอก 



สิ่งสำคัญคือสู้กับสิ่งภายใน คือสู้กับกิเลส สู้กับความหลงที่คอยก่อความทุกข์ให้แก่ใจเรา



สารโกมล กันยายน-ตุลาคม ๒๕๕๖


รักษาใจ อย่าให้ความสุขถูกปล้น



พระไพศาล วิสาโล

http://www.techcotruck.com

pp

pp

pp


"..ผู้หนักแน่นในสัจจะ พูดอย่างไรทำอย่างนั้น จึงจะได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธา เชื่อถือ และความยกย่องสรรเสริญจากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือพูดจริงทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญ ในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด.."

http://www.techcotruck.com

pp

Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

view
ขนาดถังน้ำมันมาตรฐานพร้อมส่ง (Sizeมาตรฐาน)

view